วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
โรงเรียนเดิมของฉัน " แก่นนครวิทยาลัย "
ประวัติโรงเรียน
โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น เริ่มก่อตั้งเมือเดือนพฤษภาคม พ.ศ 2510 โดยมี อาจารย์เจือ หมายเจริญ ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนขอนแก่นวิทยายนและรักษาการในตําแหน่งครูใหญ่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยอีกตําแหน่งหนึ่ง
ในปีแรกเปิดสอน 8 ห้องเรียน มีนักเรียน 280 คน แบ่งเป็นนักเรียนชาย 140 คน และนักเรียนหญิง 140 คน เป็นโรงเรียนัธยมแบบประสมและเป็นสหศึกษาคือรับทั้งชายทั้งหญิงมาเรียนรวมกัน โดยในสมัยนั้น การจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาจะแยกนักเรียนชายให้เรียนในโรงเรียนประจำจังหวัดชาย (โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน), นักเรียนหญิงเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัดหญิง (โรงเรียนกัลยาณวัตร) โรงเรียนสหศึกษาคือมีนักเรียนชายและหญิงเรียนรวมกัน ส่วนโรงเรียนมัธยมแบบประสม หมายถึง การเปิดสอนในหลักสูตรที่กว้าง หลากหลาย มีวิชาให้เลือกเรียนได้ตามความรู้ความสามารถที่ตนถนัด (TO EACH HIS OWN ABILITY) มีทั้งวิชาสามัญ วิชาศิลป-ปฏิบัติ(วิชาชีพ) เมื่อจบมัธยมต้นแล้วสามารถจะนำไปศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพได้
ในปีแรกที่เปิดการสอนต้องอาศัยโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเรียนไปก่อนพร้อมๆกับโรงเรียนก็เริ่มก่อสร้างไปด้วยจนถึงวันที่ 16 กันยายน 2511 จึงได้ย้ายมาเรียน ณ สถานที่ปัจจุบัน จึงถือเอาวันนี้เป็นวันเกิดของโรงเรียนด้วย
เดิมโรงเรียนนี้มีพื้นที่ 32 ไร่เศษอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ใน พ.ศ. 2518 โรงเรียนได้ที่ดินราชพัสดุซึ่งเป็นสนามกีฬาจังหวัด ซึ่งอยู่ติดกับ โรงเรียน อีกหกไร่ ในปี พ.ศ. 2523 โรงเรียนได้ขอใช้ที่สนามกีฬาอีก 25 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมดเป์น 63 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา และอีกส่วนหนึ่งเป็นบ้านพักครูมีเนื้อที่ 17 ไร่ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรโรงเรียนดีเด่นขนาดใหญ่ ของเขตการศึกษา 9 ประจำปีการศึกษา 2525 เป็นโรงเรียนแรกของจังหวัดขอนแก่น
ภาพรวมของโรงเรียน
โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยเป็นโรงเรียนรัฐบาลในโครงการโรงเรียนมัธยมแบบประสม (คมส.1) ของกรมวิสามัญศึกษา (ปัจจุบันคือ กรมสามัญศึกษา) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นรุ่นแรกของกรมในจำนวน 6 โรงเรียน โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ตั้งอยู่เลขที่ 4 หมู่ 2 ถนนเหล่านาดี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เนื้อที่ จำนวน 63 ไร่ 137 ตารางวา เป็นที่ดินของราชพัสดุ กรมธนารักษ์ เลขที่ทะเบียน 43974 ท.บ.18 จำนวน 2 ไร่ , เลขที่ทะเบียน 43975 ท.บ.18 จำนวน 6 ไร่ , เลขที่ทะเบียน 7528 จำนวน 25 ไร่ 37 ตารางวา ต่อมาโรงเรียนได้รับพื้นที่เพิ่มจากสนามกีฬาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งย้ายไปสร้าง ณ ที่ใหม่ รวมเป็นพื้นที่ 63 ไร่ 137 ตารางวา โรงเรียนอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัด 5 กิโลเมตร อยู่ในเขตชุมชน ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ อาชีพค้าขาย รับจ้าง และรับราชการ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันมีบุคลากร 224 คนเป็นชาย 91 คน หญิง 133 คน วุฒิปริญญาเอก 2 คน ปริญญาโท 51 คน ปริญญาตรี 154 คน และอื่นๆ อีก 17 คน มีการจัดการเรียนการสอนทั้งสิ้น 84 ห้อง นักเรียน 3853 คน ประกอบด้วยนักเรียนชาย 1602 คน หญิง 2251 คน เป็นแบบสหศึกษา มีผู้อำนวยการสถานศึกษาคือ นายวิรัช เจริญเชื้อ
อาคารต่างๆ ประกอบด้วย
อาคารเรียนถาวร จำนวน 6 หลัง
- อาคาร 1 (อำนวยการ)
- อาคาร 2 (แนะแนว)
- อาคาร 3 (วิทยาศาสตร์)
- อาคาร 4 (คณิตศาสตร์ - ภาษาไทย)
- อาคาร 5 (สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม)
- อาคาร 6 (ภาษาอังกฤษ)
อาคารประกอบ
- อาคารคหกรรม 2 หลัง
- อาคารเกษตร 1 หลัง
- อาคารห้องสมุด 1 หลัง
- อาคารหอประชุม 2 หลัง
- อาคารศูนย์กีฬากรมสามัญศึกษา 1 หลัง
- อาคารพลศึกษา 1 หลัง
- โรงฝึกงาน 2 หลัง
- โรงอาหาร 2 หลัง
- อาคารเกียรติยศ 30 ปี 1 หลัง
- อาคารตนตรีไทย 1 หลัง
- อาคารกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 1 หลัง
ผู้จัดทำ
นางสาวรพีพรรณ ศรีไวย์ 511120035-8
นางสาวสุธาพร คันธารส 511120050-9
ที่อยู่
โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
เลขที่ 4 ถ. เหล่านาดี ต.ในเมือง
อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
โทร. 0-4322-1783, 0-4322-5637
โทรสาร. 0-4322-5636 ต่อ 295
http://www.knw.ac.th/
วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553
วิธีละความโกรธที่ดีที่สุด
ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแก่ผู้ใด ทำให้จิตใจของผู้นั้นเร่าร้อน เป็นทุกข์ ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ ฝันร้าย ถ้าโกรธมาก ๆ อาจทำให้ต้องไปฆ่าผู้อื่น ติดคุกติดตารางเป็นทุกข์ทั้งแก่ตัวเอง ทั้งแก่ผู้อื่น จะเจริญเมตตาจิตก็ลำบากเพราะเมื่อเจริญไปแก่ผู้ที่เราโกรธอยู่ ก็เจริญไม่ขึ้น แต่ถ้าเราละความโกรธได้ เราก็จะเป็นสุข ดังพระบาลีว่า “โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ” แปลว่า “ฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมเป็นสุข” ฉะนั้น อาตมาจะได้นำวิธีละความโกรธที่ท่านแสดงไว้ใน “คัมภีร์วิสุทธิมรรค” มาแนะนำท่านผู้อ่าน มีถึง ๙ วิธี ด้วยกัน คือ
๑. ระลึกถึงโทษของความโกรธ
บุคคลผู้มักโกรธนี้ ถูกความโกรธครอบงำแล้ว โกรธเต็มประดา ย่อมประพฤติชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจครั้นประพฤติชั่วด้วยกายวาจาใจแล้ว ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ตายไปแล้วย่อมเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ภูมิ หรือเราจะระลึกถึงโอวาทที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เช่นว่า “ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธ (ก่อน) เพราะเหตุที่โกรธตอบนั้น ผู้นั้นกลับเลวกว่าผู้ที่โกรธ (ก่อน) นั้นเสียอีก ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธ (ก่อน) ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธขึ้นมาแล้วมีสติระงับใจเสียได้ (ไม่โกรธตอบ) ผู้นั้นเชื่อว่าประพฤติเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย คือทั้งฝ่ายตนและฝ่ายผู้อื่นและผู้ที่มัวโกรธอยู่อย่างนี้ ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย”
๒. ระลึกถึงความดีของเขา
ถ้าวิธีที่ ๑ ไม่สำเร็จ ลองวิธีที่ ๒ คือ ระลึกถึงความดีของเขา เพราะบางคนความประพฤติทางกาย เขาปฏิบัติดีเป็นอันมาก ชนทั้งปวงก็รู้ได้ แต่วาจาและใจไม่เรียบร้อยเราก็ระลึกถึงแต่ความดีทางกายของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางวาจาอย่างเดียว พูดจาอ่อนหวาน พูดให้คนอื่นสบายใจมีหน้าชื่นบาน ทักก่อน แต่ความประพฤติทางกายและใจไม่เรียบร้อย เราก็อย่าคิดถึงทางกายและใจ ระลึกถึงแต่ความดีทางวาจาของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางใจเท่านั้นความเรียบร้อยทางใจของเขานั้น ปรากฏแก่ชนทั้งปวงในการทำกิจต่าง ๆ เช่น การไหว้พระเจดีย์ เขาย่อมไหว้โดยเคารพไม่นั่งใจลอย โงกง่วงอยู่ในที่ฟังธรรม เราก็ระลึกถึงแต่ความเรียบร้อยทางใจของเขาอย่างเดียวเถิด สำหรับบางคน ประพฤติไม่ทั้งทางกาย วาจา ใจ เราควรตั้งความกรุณาในบุคคลนั้นด้วยคิด (สงสาร) ว่า “เวลานี้เขาอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ว่าอีกไม่นาน เขาก็จะต้องไปเพิ่มให้มหานรกทั้ง ๘ ขุม เต็มขึ้น” เมื่อทำใจเช่นนี้ ความอาฆาต โกรธแค้น ย่อมระงับลงได้ เพราะอาศัยความกรุณา
๓. พึงสอนตนว่า “ความโกรธคือการทำความทุกข์ให้ตนเอง”
เช่นว่า “เจ้าไปพะนอความโกรธ อันเป็นตัวตัดมูลรากของศีลทั้งหลายที่เจ้ารักษาเสีย ขอถามหน่อย ใครโง่เหมือนเจ้าบ้างเล่า เจ้าโกรธว่า คนอื่นทำกรรมป่าเถื่อน (กรรมชั่ว) ให้อย่างไรหนอ เจ้าจึงปรารถนาจะทำกรรมเช่นเดียวกันนั้นเสียเองเล่า ถ้าคนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงทำความไม่พอใจให้ไฉนเจ้าจึงจะช่วยทำความตั้งใจของเขาให้สำเร็จ โดยปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า น่าตำหนิ เจ้าโกรธแล้วจักได้ทำทุกข์ให้แก่เขาหรือไม่ก็ตาม แต่เดี๋ยวนี้ เจ้าก็ได้เบียดเบียนตนเองด้วยโกรธทุกข์ (ความทุกข์ใจเพราะความโกรธ) อยู่แท้ ๆ”
๔. พิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน
ถ้ายังไม่หายโกรธ พึงพิจารณาให้เห็นว่าตนและคนอื่นต่างมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เช่นว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว เจ้าจักทำอะไร กรรมที่มีโทสะเป็นเหตุ จักเป็นไปเพื่อความเสื่อมเสียแก่ตัวเจ้าเองมิใช่หรือ เจ้าจักทำกรรมใดไว้ เจ้าจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมอันนี้จะสามารถให้สมบัติทั้งหลายมีความเป็นพระราชา พระอินทร์ เป็นต้น ก็หามิได้เลย กรรมนี้มีแต่จะทำให้เจ้าเสวยทุกข์ในเรือนจำ ทุกข์ในนรกเป็นต้น อย่างนี้แล้วจึงพิจารณาถึงฝ่ายคนอื่นบ้าง ดังที่พิจารณาในฝ่ายตน
๕. พิจารณาถึงความประพฤติในกาลก่อนของพระศาสดา
เช่นว่า พระศาสดาของเจ้าในกาลก่อนแต่การตรัสรู้แม้เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีอยู่ตลอด ๔ อสงไขยกับแสนกัป มิได้ทรงยังจิตให้คิดประทุษร้ายในบุคคลทั้งหลายผู้เป็นศัตรู แม้เป็นผู้ปลงพระชนม์เอาในชาตินั้น ๆ เช่น เรื่องในขันติวาทีชาดก พระโพธิสัตว์ เมื่อพระราชาพระนามว่ากลาพุ ผู้โง่เขลาถามว่า สมณะ แกกล่าววาทะอะไร ตอบว่าอาตมากล่าววาทะคือขันติ (ความอดทน) ถูกโบยด้วยหวายทั้งหนามแล้ว ตัดมือและเท้าเสีย ก็ทรงมิได้ทำแม้แต่อาการขุ่นเคือง หรือเรื่องในมหากปิชาดก พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระบี่ใหญ่ (ลิง) เมื่อถูกชายผู้หนึ่งผู้ที่ตนเองช่วยฉุดขึ้นจากเหวรอดชีวิตแล้ว ยังคิดร้ายว่า “ลิงนี่ก็เป็นอาหารของพวกมนุษย์เหมือนสัตว์ป่าอื่น ๆ ในป่านั่นเอง อย่ากระนั้นเลย เราก็หิวแล้ว ฆ่าลิงตัวนี้กินเสียเถิดน่ะ เรากินอิ่มแล้ว จะถือเอาเนื้อมันเป็นเสบียงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จักข้ามทางกันดารไปได้เสบียงก็จักมีแก่เราด้วย” ดังนี้แล้ว ยกก้อนหินทุ่มหัวเอากระบี่ใหญ่ก็ยังมองชายผู้นั้น ด้วยดวงตาอันนองด้วยน้ำตากล่าวกะเขาด้วยดีว่า นายจ๋า นายอย่าทำกะข้าซิ น่าติ! นายทำกรรมเช่นนี้ได้ (ลงคอ) นายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอายุยืนควรแต่จะห้ามคนอื่น (มิให้ทำร้ายกัน แต่นี่นายกลับทำร้ายเสียเอง) ไม่ยังจิตให้คิดร้ายในชายผู้นั้น ไม่คิดถึงความทุกข์ของตนเลย ยังพาชายผู้นั้นให้ถึงที่ ๆ ปลอดภัยเสียด้วย
๖. พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย ไม่เคยเป็นพี่น้องหญิง ไม่เคยเป็นบุตร ไม่เคยเป็นธิดา มิใช่หาได้ง่ายเพราะฉะนั้น เราพึงยังจิตอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในผู้นั้นว่า “ผู้นี้เป็นมารดาในอดีตของเรา รักษาเราอยู่ในท้อง ไม่แสดงอาการเกลียดสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย มีอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย และน้ำมูล เป็นต้น ของเรา เช็คได้ราวกะจันทร์แดง (ต้นไม้หอมชนิดหนึ่ง) ให้เรานอนแนบอก อุ้มเราไป เลี้ยงเรามา...เป็นบิดาในอดีตของเรา ประกอบอาชีพต่าง ๆ ทำงานที่ยากอื่น ๆ บ้างเพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา คิดว่า จักเลี้ยงลูกน้อยรวบรวมทรัพย์ด้วยการงานนั้น ๆ เลี้ยงเรามา... การทำใจร้าย โกรธเคืองในบุคคลนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย”
๗. พิจารณาอานิสงส์เมตตา
ถ้ายังไม่อาจดับความโกรธได้ ลองพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ถ้าเราละความโกรธได้ มีจิตเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็จะได้รับอานิสงส์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีถึง ๑๑ อย่าง คือ
๑. หลับเป็นสุข
๒. ตื่นเป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาย่อมรักษาผู้นั้น
๗. ไฟ พิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ทำร้ายผู้นั้น
๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว
๙. สีหน้าผ่องใส
๑๐. ไม่หลงตาย คือมีสติก่อนตาย
๑๑. เมื่อไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก
๘. ใช้วิธีแยกธาตุ
พึงสอนตนอย่างนี้ว่า “ตัวเจ้าเมื่อโกรธบุคคลนั้นโกรธอะไร โกรธผมหรือ หรือว่า โกรธขน โกรธเล็บ ฯลฯ หรือมิฉะนั้น ก็โกรธธาตุดิน โกรธธาตุน้ำ โกรธธาตุไฟ หรือโกรธธาตุลม เมื่อเห็นว่ามีแต่ธาตุ แล้วเราจะโกรธไปทำไม”
๙. วิธีสุดท้าย-ทำการให้และการแบ่ง
ถ้ายังไม่หายโกรธอีก พึงให้ของ ๆ ตนแก่เขา รับของ ๆ เขามาเพื่อตนเอง แต่ถ้าเขามีอาชีพไม่บริสุทธิ์ ก็พึงให้แต่ของ ๆ ตนไปฝ่ายเดียว อย่ารับของ ๆ เขาเลย เมื่อเราทำไปอย่างนั้นความอาฆาตในบุคคลนั้น จะระงับไปได้ ส่วนความโกรธของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะติดตามมาตั้งแต่อดีตชาติ ก็จะระงับไปในทันทีเหมือนกัน ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
“ ททมาโน ปิโย โหติ ” แปลว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก (ของผู้รับ)”
๑. ระลึกถึงโทษของความโกรธ
บุคคลผู้มักโกรธนี้ ถูกความโกรธครอบงำแล้ว โกรธเต็มประดา ย่อมประพฤติชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจครั้นประพฤติชั่วด้วยกายวาจาใจแล้ว ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ตายไปแล้วย่อมเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ภูมิ หรือเราจะระลึกถึงโอวาทที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เช่นว่า “ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธ (ก่อน) เพราะเหตุที่โกรธตอบนั้น ผู้นั้นกลับเลวกว่าผู้ที่โกรธ (ก่อน) นั้นเสียอีก ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธ (ก่อน) ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธขึ้นมาแล้วมีสติระงับใจเสียได้ (ไม่โกรธตอบ) ผู้นั้นเชื่อว่าประพฤติเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย คือทั้งฝ่ายตนและฝ่ายผู้อื่นและผู้ที่มัวโกรธอยู่อย่างนี้ ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย”
๒. ระลึกถึงความดีของเขา
ถ้าวิธีที่ ๑ ไม่สำเร็จ ลองวิธีที่ ๒ คือ ระลึกถึงความดีของเขา เพราะบางคนความประพฤติทางกาย เขาปฏิบัติดีเป็นอันมาก ชนทั้งปวงก็รู้ได้ แต่วาจาและใจไม่เรียบร้อยเราก็ระลึกถึงแต่ความดีทางกายของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางวาจาอย่างเดียว พูดจาอ่อนหวาน พูดให้คนอื่นสบายใจมีหน้าชื่นบาน ทักก่อน แต่ความประพฤติทางกายและใจไม่เรียบร้อย เราก็อย่าคิดถึงทางกายและใจ ระลึกถึงแต่ความดีทางวาจาของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางใจเท่านั้นความเรียบร้อยทางใจของเขานั้น ปรากฏแก่ชนทั้งปวงในการทำกิจต่าง ๆ เช่น การไหว้พระเจดีย์ เขาย่อมไหว้โดยเคารพไม่นั่งใจลอย โงกง่วงอยู่ในที่ฟังธรรม เราก็ระลึกถึงแต่ความเรียบร้อยทางใจของเขาอย่างเดียวเถิด สำหรับบางคน ประพฤติไม่ทั้งทางกาย วาจา ใจ เราควรตั้งความกรุณาในบุคคลนั้นด้วยคิด (สงสาร) ว่า “เวลานี้เขาอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ว่าอีกไม่นาน เขาก็จะต้องไปเพิ่มให้มหานรกทั้ง ๘ ขุม เต็มขึ้น” เมื่อทำใจเช่นนี้ ความอาฆาต โกรธแค้น ย่อมระงับลงได้ เพราะอาศัยความกรุณา
๓. พึงสอนตนว่า “ความโกรธคือการทำความทุกข์ให้ตนเอง”
เช่นว่า “เจ้าไปพะนอความโกรธ อันเป็นตัวตัดมูลรากของศีลทั้งหลายที่เจ้ารักษาเสีย ขอถามหน่อย ใครโง่เหมือนเจ้าบ้างเล่า เจ้าโกรธว่า คนอื่นทำกรรมป่าเถื่อน (กรรมชั่ว) ให้อย่างไรหนอ เจ้าจึงปรารถนาจะทำกรรมเช่นเดียวกันนั้นเสียเองเล่า ถ้าคนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงทำความไม่พอใจให้ไฉนเจ้าจึงจะช่วยทำความตั้งใจของเขาให้สำเร็จ โดยปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า น่าตำหนิ เจ้าโกรธแล้วจักได้ทำทุกข์ให้แก่เขาหรือไม่ก็ตาม แต่เดี๋ยวนี้ เจ้าก็ได้เบียดเบียนตนเองด้วยโกรธทุกข์ (ความทุกข์ใจเพราะความโกรธ) อยู่แท้ ๆ”
๔. พิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน
ถ้ายังไม่หายโกรธ พึงพิจารณาให้เห็นว่าตนและคนอื่นต่างมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เช่นว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว เจ้าจักทำอะไร กรรมที่มีโทสะเป็นเหตุ จักเป็นไปเพื่อความเสื่อมเสียแก่ตัวเจ้าเองมิใช่หรือ เจ้าจักทำกรรมใดไว้ เจ้าจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมอันนี้จะสามารถให้สมบัติทั้งหลายมีความเป็นพระราชา พระอินทร์ เป็นต้น ก็หามิได้เลย กรรมนี้มีแต่จะทำให้เจ้าเสวยทุกข์ในเรือนจำ ทุกข์ในนรกเป็นต้น อย่างนี้แล้วจึงพิจารณาถึงฝ่ายคนอื่นบ้าง ดังที่พิจารณาในฝ่ายตน
๕. พิจารณาถึงความประพฤติในกาลก่อนของพระศาสดา
เช่นว่า พระศาสดาของเจ้าในกาลก่อนแต่การตรัสรู้แม้เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีอยู่ตลอด ๔ อสงไขยกับแสนกัป มิได้ทรงยังจิตให้คิดประทุษร้ายในบุคคลทั้งหลายผู้เป็นศัตรู แม้เป็นผู้ปลงพระชนม์เอาในชาตินั้น ๆ เช่น เรื่องในขันติวาทีชาดก พระโพธิสัตว์ เมื่อพระราชาพระนามว่ากลาพุ ผู้โง่เขลาถามว่า สมณะ แกกล่าววาทะอะไร ตอบว่าอาตมากล่าววาทะคือขันติ (ความอดทน) ถูกโบยด้วยหวายทั้งหนามแล้ว ตัดมือและเท้าเสีย ก็ทรงมิได้ทำแม้แต่อาการขุ่นเคือง หรือเรื่องในมหากปิชาดก พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระบี่ใหญ่ (ลิง) เมื่อถูกชายผู้หนึ่งผู้ที่ตนเองช่วยฉุดขึ้นจากเหวรอดชีวิตแล้ว ยังคิดร้ายว่า “ลิงนี่ก็เป็นอาหารของพวกมนุษย์เหมือนสัตว์ป่าอื่น ๆ ในป่านั่นเอง อย่ากระนั้นเลย เราก็หิวแล้ว ฆ่าลิงตัวนี้กินเสียเถิดน่ะ เรากินอิ่มแล้ว จะถือเอาเนื้อมันเป็นเสบียงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จักข้ามทางกันดารไปได้เสบียงก็จักมีแก่เราด้วย” ดังนี้แล้ว ยกก้อนหินทุ่มหัวเอากระบี่ใหญ่ก็ยังมองชายผู้นั้น ด้วยดวงตาอันนองด้วยน้ำตากล่าวกะเขาด้วยดีว่า นายจ๋า นายอย่าทำกะข้าซิ น่าติ! นายทำกรรมเช่นนี้ได้ (ลงคอ) นายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอายุยืนควรแต่จะห้ามคนอื่น (มิให้ทำร้ายกัน แต่นี่นายกลับทำร้ายเสียเอง) ไม่ยังจิตให้คิดร้ายในชายผู้นั้น ไม่คิดถึงความทุกข์ของตนเลย ยังพาชายผู้นั้นให้ถึงที่ ๆ ปลอดภัยเสียด้วย
๖. พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย ไม่เคยเป็นพี่น้องหญิง ไม่เคยเป็นบุตร ไม่เคยเป็นธิดา มิใช่หาได้ง่ายเพราะฉะนั้น เราพึงยังจิตอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในผู้นั้นว่า “ผู้นี้เป็นมารดาในอดีตของเรา รักษาเราอยู่ในท้อง ไม่แสดงอาการเกลียดสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย มีอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย และน้ำมูล เป็นต้น ของเรา เช็คได้ราวกะจันทร์แดง (ต้นไม้หอมชนิดหนึ่ง) ให้เรานอนแนบอก อุ้มเราไป เลี้ยงเรามา...เป็นบิดาในอดีตของเรา ประกอบอาชีพต่าง ๆ ทำงานที่ยากอื่น ๆ บ้างเพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา คิดว่า จักเลี้ยงลูกน้อยรวบรวมทรัพย์ด้วยการงานนั้น ๆ เลี้ยงเรามา... การทำใจร้าย โกรธเคืองในบุคคลนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย”
๗. พิจารณาอานิสงส์เมตตา
ถ้ายังไม่อาจดับความโกรธได้ ลองพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ถ้าเราละความโกรธได้ มีจิตเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็จะได้รับอานิสงส์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีถึง ๑๑ อย่าง คือ
๑. หลับเป็นสุข
๒. ตื่นเป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาย่อมรักษาผู้นั้น
๗. ไฟ พิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ทำร้ายผู้นั้น
๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว
๙. สีหน้าผ่องใส
๑๐. ไม่หลงตาย คือมีสติก่อนตาย
๑๑. เมื่อไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก
๘. ใช้วิธีแยกธาตุ
พึงสอนตนอย่างนี้ว่า “ตัวเจ้าเมื่อโกรธบุคคลนั้นโกรธอะไร โกรธผมหรือ หรือว่า โกรธขน โกรธเล็บ ฯลฯ หรือมิฉะนั้น ก็โกรธธาตุดิน โกรธธาตุน้ำ โกรธธาตุไฟ หรือโกรธธาตุลม เมื่อเห็นว่ามีแต่ธาตุ แล้วเราจะโกรธไปทำไม”
๙. วิธีสุดท้าย-ทำการให้และการแบ่ง
ถ้ายังไม่หายโกรธอีก พึงให้ของ ๆ ตนแก่เขา รับของ ๆ เขามาเพื่อตนเอง แต่ถ้าเขามีอาชีพไม่บริสุทธิ์ ก็พึงให้แต่ของ ๆ ตนไปฝ่ายเดียว อย่ารับของ ๆ เขาเลย เมื่อเราทำไปอย่างนั้นความอาฆาตในบุคคลนั้น จะระงับไปได้ ส่วนความโกรธของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะติดตามมาตั้งแต่อดีตชาติ ก็จะระงับไปในทันทีเหมือนกัน ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
“ ททมาโน ปิโย โหติ ” แปลว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก (ของผู้รับ)”
“ เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นี้ไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง ”
วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553
" แม่พระของสุนัขจรจัด "
พี่เดือน
หญิงกลางคน วัย 46 ปี
ฉันเคยมีโอกาศได้ไปเยี่ยมพี่เดือนที่บ้านกว่าจะหาบ้านเจอก็ยากพอตัว จากที่เคยโทรให้พี่เดือนมารับน้องหมาที่บ้านตลอดเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่เดือนมากนัก พอได้มีโอกาสไปบ้านเลยเอามาเล่าให้พี่ๆน้องๆ CAS ฟังกัน
พี่เดือนทักทายและเปิดประตูเชิญเราเข้าไปในบ้านอย่างเป็นกันเอง ความที่ฉันเป็นคนแปลกถิ่น เจ้าของบ้านกว่า 37 ตัว ส่งเสียงทักทายฉันเป็นการใหญ่ ถึงแม้ฉันจะมีใจรักสุนัขเป็นทุน แต่เมื่อต้องเผชิญกับสุนัขแปลกหน้าทั้ง 37 ตัว ก็ทำเอาฉันหวั่นเสียไม่น้อยฉันเข้าไปหาพี่เดือนช่วงเวลาทานอาหารของเพื่อนสี่ขาพอดี พี่เดือนจึงง่วนอยู่กับการคลุกอาหารให้เจ้าของบ้าน ฉันจึงเอาเวลานั้นสำรวจสถานที่และเก็บรูปถ่ายบ้าง แต่ฉันยังไม่กล้าไปไหนไกลจากพี่เดือนมากนักหรอก เพราะเจ้าของบ้านแต่ละตัวยังจ้องฉันตาเป็นมัน บางตัวเริ่มหยุดเห่าเข้ามาดมๆกลิ่นบ้างแล้วก็มี ฉันคิดไว้เสมอถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับมัน มันก็คงอยากเป็นเพื่อนกับฉันบางเหมือนกัน
บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสุนัขทั้ง 37 ตัว เป็นบ้านชั้นเดียวแยกส่วนได้สัก 3 ส่วน นี้ยังไม่รวมกรงเล็กๆ ที่เรียงรายกว่า 10 กรงน้อยใหญ่ในตัวบ้าน มีพื้นกว้างพอให้เพื่อนหูตั้งวิ่งเล่นอย่างสบายอารมณ์ ลักษณะบ้านก็สะอาดสะอ้านดี (ฉันยังเผลอคิดว่า สะอาดกว่าห้องฉันเสียด้วยซ้ำ) พื้นที่อยู่ด้านหลังบ้าน กั้นรั้วตาข่ายสูงพอคาง มีสุนัขอยู่กว่าสิบตัว พี่เดือนบอกฉันว่า เป็นส่วนของสุนัขที่เพิ่งเข้ามาใหม่ อาจยังไม่คุ้นชิน จึงต้องนำไปไว้ยังส่วนนั้นก่อน หากคุ้นชินกับเพื่อนสมาชิกและบ้านแล้ว จึงปล่อยให้เข้ามารู้จักกับเพื่อนๆ ตัวที่เหลือ
บริเวณด้านข้างบ้าน เป็นรั้วกั้นระดับพอคางเช่นกัน สุนัขที่อยู่ในส่วนนี้ส่วนใหญ่เป็นสุนัขพิการ ขาหักบ้าง ตาบอดบ้าง สุนัขที่แก่หรือเดินไม่ได้ก็มีไม่น้อย สุนัขบริเวณนี้ส่วนใหญ่ ไม่ได้ส่งเสียทักทายฉันดังเหมือนสุนัขบริเวณอื่น คงเพราะมันเจ็บหนักหรือเหนื่อยกระมัง สุนัขหรือคนก็ไม่ได้ต่างกันนัก มีเจ็บ มีไข้ มีล้ม มีตายเหมือนกัน บางทีฉันคิดว่า มนุษย์คงไม่ได้วิเศษใหญ่ค้ำโลกเหมือนที่ตนคิดไว้หรอก ในเมื่อเราก็ต้องตายไม่ต่างกับสิ่งมีชีวิตอื่นเลย ..
รถคู่ใจรับส่องน้องหมา
ฉันถามพี่เดือนว่าเหนื่อยไหม กับการต้องดูแลสุนัขจรจัดเหล่านี้ พี่เดือนบอกฉันว่า พี่เดือนไม่เหนื่อย และพี่เดือนไม่เคยหยุด “ ไม่มีเจ็บ ไม่มีลา ไม่มีขาด มีแต่ตายเท่านั้น พี่เดือนถึงหยุด” ฉันสาบานว่าถ้อยคำดังกล่าวฉันไม่ได้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเอง ออกมาจากปากของหญิงเหล็กโดยแท้ ...
ทางไปบ้านพี่เดือน เริ่มจากหน้าโรงเรียนโนนม่วง จนสุดจะเจอวัดม่วงศรี และศูนย์อนามัยโนนม่วง เลี้ยวซ้ายตามกำแพงวัด จะเจอถนนเส้นเล็กทางซ้ายมือ ขี่เข้าไป ก่อนถึงพิมานธานีทางซ้ายจะมีทางเข้าดินลูกรังเล็กๆ เข้าไปประมาณ5เมตรก็เจอเลย
พอไปถึงก็ได้ถามพี่เดือนเรื่องต่างๆ พี่เดือนก็ตอบมาเยอะ แต่จดไม่ทันจำไม่ได้ จะสรุปคร่าวๆ ให้อ่านแล้วกันนะครับ ตอนนี้ก็มีเงินอยู่ 5,000กว่าบาท ที่ใหม่ที่จะย้ายไปอยู่ต้องจ่ายเป็นหมื่นต่อปี(ค่าแรกเข้า กับค่าใช้จ่ายอย่างอื่นจำไม่ได้) ค่าอาหารตกวันละประมาณ 400บาท (ลืมถามค่าน้ำ-ค่าไฟ)
ถ้าชาวขอนแก่นท่านไหนอยากพาสุนัขแสนรักไปใช้บริการ หรือ ช่วยเหลือค่าอาหารสุนัข ติดต่อกับพี่เดือนได้โดยตรงนะค่ะ ที่หมายเลข 084-3922198 บริการรับส่งด้วยครับ
โทรไปพี่เดือนอาจจะไม่ได้รับในทันที อาจต้องโทรหลายหนหน่อย เพราะบางครั้งพี่เดือนกำลังอาบน้ำให้สุนัขอยู่ แล้วเดี๋ยวจะเข้ามารายงานความคืบหน้าเรื่องที่อยู่ของพี่เดือน ที่ต้องย้ายออกจากที่ปัจจุบันนะครับ
นางสาวมณีรัตน์ พงษ์สุทธิเจริญ (พี่เดือน)
เลขที่บัญชี 7932233878
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยคอมเพล็ค มข.
โทรศัพท์ 084-3922198
ปล. ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเอาน้องหมาไปใช้บริการ ทำให้มีรายรับน้อย อยากให้ทุกคนลงขันไปช่วยพี่เดือนด้วยครับ
สิ่งมีชีวิตในโลกล้วนแต่ต้องผจญภัยกับโลกใบกลมๆทั้งนั้น ไม่ว่ายากดีมีจนแค่ไหน ฉันคิดว่าสุนัขมีสมอง และมีจิตใจรับรู้ได้ถึงความอาทรเช่นพี่เดือนมีให้กับสุนัขทั้งในบ้านและนอกบ้าน มันน่าแปลกที่สุนัขเหล่านี้แม้จะเจอทุกข์เพียงใด ก็ไม่เคยเรียกร้องขอความตายให้พ้นๆจากความเดรัจฉาน มีแต่ทนรับชะตากรรมแม้กับสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อไว้ ฉันได้ซึ้งใจว่าอย่างน้อยสุนัขจรจัดที่ไม่มีใครเหลียวแล เสี้ยวหนึ่งของชีวิตพวกมัน ยังได้รับความที่รักที่บริสุทธิ์บาง “พี่เดือน นางสาวมณีรัตน์ พงษ์สุทธิเจริญ” แม่พระของสุนัขโดยแท้ . . . .
( นู๋ฮันนี่ลูกค้าประจำพี่เดือน )
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
10 อันดับมนุษย์เว็บบอร์ดที่น่าตบกระบาลที่สุด
อันดับที่ 10 มนุษย์ปั๊มกระทู้
อันนี้ผมเพิ่มเองแหระครับ ให้เต็ม 10 อันดับ...อิอิ คือแบบว่าผมเข้าใจนะที่สมาชิกใหม่ เมื่อพิมพ์ผิดหรือลืมอะไรบางอย่างก็จะโพสเรปใหม่ทันที เพราะไม่รู้จักกด EDIT แต่สมาชิกเก่านี่สิ มาแบบว่า กระทุ้พูดถึงเรื่องนึง แต่ดันไปโพสกันคนละเรื่อง "คือแบบว่าข้าอยากจะได้ยศสูงๆอ่ะ"
อันดับที่ 9 มนุษย์ดัก View
อี ปลวกพวกนี้อนาคตอาจจะเป็นนักโฆษณาที่ดีก็ได้นะ (รึเปล่า ?) เพราะโฆษณาชวนเชื่อมาก คนๆ อย่างพวกเรานี่ก็นะ รู้ทั้งรู้ว่าเค้าดัก View Hi5 ก็ยั๊ง...จะคลิกเข้าไปดูหนังหน้าอีก....เอ๊อ.... คนพวกนี้จะชอบขึ้นหัวข้อกระทู้ด้วย " อุกิ๊วว ปู้จายหล่อมาก " " ทอมหล่อ ๆ ส่งตรงจากทุ่งนา ..." " คนนี้น่ารักกว่า...คนนั้น คนนู้น " แต่ พอเปิดเข้าไปแล้วเจอปลวกแก่ ๆ ทำหน้าแอ๊บแบ๊วอยู่สองสามตัว...เออ ไม่ได้ว่าอะไีรเอ็งหรอกนะที่หน้าตาไม่ดี เพราะตูก็ไม่ได้สวย แต่ ดักควาย เอ๊ย ดักคนอื่นแบบนี้จะดีหรอ และขอถามอีกครั้ง ...จะสะสมวิวไว้ทำโล่ห์อะไรกันคะ...อยากทราบมาก ๆ ใครตอบได้ จะไปขอแต่งงาน !!!
อันดับที่ 8 มนุษย์ดักควาย
คุณ ๆ พวกนี้ จะชอบดักควาย ( ซึ่ง จขบ.ขอนอนยันว่าสนุกจริง ๆ 555+ ) ด้วยการจั่วกระทู้ล่อแหลม สุดสยิวกิ้ว อาทิ น้องแมวสุดโมเอะใส่ชุด นร.วาบหวิวถ่ายแบบ คลิก !!! อย่างนี้เป็นต้น... ซึ่ง จขบ. อยู่ในหมวดนี้..เพราะฉะนั้น ข้ามมันปายย 555+
อันดับที่ 7 มนุษย์ด่าไม่ดูหนังหน้า
จะ พบได้ตามเว็บบอร์ดเด็ก ๆ ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งตรงนี้ พวก ชี และ ฮี จะอาศัยอยู่ตามกระทู้โพสรูปภาพต่าง ๆ ซึ่งไม่ว่าใครจะหน้าตายังไง พวกชีจะมาแบบ " ไม่เห็นน่ารักเลย ธรรมดามาก ๆ " " คนนี้นะหรอ ตัวจริงหยิ่ง บลา ๆ " " อ๊ะ โปรโมตตัวเองงั้นหรอ " " เราสวยกว่าอีก " เอ้อ.. ช่าง***เหอะ ไม่รู้จะด่ายังไง แต่อยากเอาตีนยัดปากมาก ๆ =_= ส่วนคุณพวกที่โปรโมตตัวเอง (บางพวก) ก็นะ...โพสมันเข้าไปเหอะ ขยันโพสมันเข้าไป นาน ๆ เห็นทีมันตื่นเต้นน่ารัก แต่เห็นบ่อย ๆ มันปวดตับนะยะ ชั้นเป็นผู้หญิงขี้เบื้่อซะด้วย ผู้ชายชั้นไม่รุ้ แต่ชั้นเบื่อย่ะ !!!!
อันดับที่ 6 มนุษย์ตามน้ำ
มนุษย์ พวกนี้เน้นสะใจไว้ก่อน คือ จะรีบเลื่อนดูความเห็นเร็ว ๆ ก่อน แล้วก็จะรีบเห็นด้วย ทันที กับความเห็นส่วนมาก ซึ่ง บางครั้ง คนที่เห็นด้วยไปทางเดียวกันมาก ๆ ซึ่งไมไ่ด้ตามน้ำ...อะไรเลยจะถูกเหมารวมไปกับพวกนี้อย่างง่าย ๆ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างโมโหนะ ว่า เออ ทำไมวะ แค่เราเห็นด้วย พอมีคนมาเห็นเหมือนเรามาก ๆ ดันมาว่าเราตามน้ำ พอเราไปตอบดีดี ก็หาว่าเราแก้ตัว เออ ... ตามน้ำก็ตามน้ำ ...เป็นไรกะกูมากมั้ยเนี่ย คิดว่าคิดต่างแล้วเจ๋งหรอฟะ ความคิดใครความคิดมันเด้ มาก้าวก่ายทำอาม่าเอ็งหรอ !!! เห็นต่างได้เฟร้ย แต่ทำไมต้องดูถูกความเห็นคนอื่นด้วยวะ
อันดับที่ 5 มนุษย์ข้าเท่านั้นที่ถูกที่สุด
มนุษย์ นี้ จะเหมือนประเภทที่ 4 แต่ต่างตรงที่ มันเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก ความคิดของมันคนเดียว มันไม่สนว่าใครจะตอบอะไรยังไง และใครมาว่าความเห็นของมันไม่ได้ แต่มันสามารด่า และ ดูถุกคนอื่นได้ พอคนอื่นดูถูกกลับมันไม่ยอม อีพวกนี้ มันสมควรสิ้นซากไปซะ พอเริ่มเถียงไม่ชนะ มันจะเริ่มลากเราเข้าไปในสวนสัตว์ ไปเที่ยวชมสิงสาราสัตว์แล้วตั้งชื่อเราตามใจมัน...เอ่อ....ขอบใจนะ อีเฟี่ย !!! ไปแอบตายไป๊
อันดับที่ 4 มนุษย์ ที่ 1 ที่ 2
พี่ น้องคะ....ตูตั้งกระทู้ขึ้นมา จะให้เอ็งคอมเม้น ว่าเอ็งอ่านแล้วรู้สึกยังไง ไม่ได้ให้เอ็งมาแข่งเอาที่ 1 ที่ 2 กรี๊ดดดดดดดดดด เล่นอะไรกันอยู่คะ แล้วคุณที่ตามมาข้างล่างนั่นมันอะไร ว๊าย คห .2 พลาด ๆ ๆ ๆ ๆ แล้ว มีคนได้ที่ 1 ไปแล้ว....ตีนเหอะ เมื่อไรตูจะได้ความเห็นที่ตูต้องการรรรรร !!!
อันดับที่ 3 มนุษย์ Emoticon
มา แต่อีโมค่ะ...ไม่ต้องอธิบายเนาะ มาตัวเดียวยังพอโอเค ไม่ว่า เพราะคิดว่าไม่รู้ว่าจะเม้นอะไร ให้ความรู้สึกมา อันนี้ชอบ แต่อีที่มาเป็นพรวน ครบทุกตัวนี่..ตกลง ...รู้สึกอย่างไรกับชีวิตตัวเองคะ ตอบกูหน่อย...
อันดับที่ 2 มนุษย์โฆษณา Lv.2
ไม่ ว่ากระทู้นั้นจะเกิด อะไรขึ้นก็ตามแต่ เขาจะมาแนวนี้ค่ะ อ๊ะ ฝากนิยายด้วยนะคะที่ ............ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงสวยคนนึงที่ชอบขี่ควายเล่นในทุ่งหญ้าสะวันน่านะ คะ แล้วเธอก็ไปพบกระเทยหนุ่มรูปงาม จึงตกหลุมรัก เลยพยายามที่จะทำให้กระเทยกลับกลายมาเป็นชายทั้งแท่ง อย่าลืมมาอ่านกันนะคะที่... แล้วเราก็จะพบข้อความแบบนี้ไปทุกกระทู้ ทุกที่....อืม Spam ถือกำเนิดมาจากอีพวกนี้แน่ ๆ หรือไม่ อีพวกนี้นี่แหละ ติดเชื้อแสปมมา !!!
อันดับที่ 1 มนุษย์แอ๊บแบ๊ว หรือ มนุษย์วิบัติ
มนุษย์ แอ๊บแบ๊ว หรือ มนุษย์วิบัติ เรียก ง่าย ๆ ว่าเข้ามาทีไรจะเจออีกิ๊กด่าคุณพวกนี้ทุกที คือ มัลเปงอะรัยกัลคร๊ะ ถึงพิมเดๆม่ะดั้ยอ่ะ พิมเด ๆ ถุก ๆ แร้นมัลจะตัยหราาาาา ( มันเป็นอะไรคะ ถึงพิมพ์ดีดีไม่ได้อ่ะ พิมพ์ดี ๆ ถูก ๆ แล้วมันจะตายรึไง...) คืออันนี้นะ เราต้องแยกแยะให้ออกกับ " สื่ออารมณ์ " กับ " ภาษาวับัติ " ไม่รู้จะด่าอะไรยังไง...แต่ เลิกปัญญาอ่อนกันซักทีเหอะ...อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอะ คือหลายคนชอบเอามาอ้างไงว่า เนี่ย พิมพ์แบบนี้อ่ะ สื่ออารมณ์นะ เป็นเสียงที่ใช้พูดจริง ๆ นะ โอเคอันนั้นพอว่า แต่คงไม่มีอีปลวกที่ไหนหรอกนะคะที่พูดว่า " มามิ้มให้แย้วน๊ะค๊ะ มามิ้มให้มั่งเนะ หมุ่มๆ อะรัยอะยัง งุงิ คุคิ งิงุ " หรอกชิมิ..
ความห่างไกล - วัดความผูกพัน
มีคนบอกว่า ... ฟ้าดินลงโทษเขาให้ห่างไกลกับคนรัก
ฉันกลับคิดว่า ... ฟ้าดินกำลังสงสัยคู่นี้ว่า
... เขารักกันจริงหรือป่าวต่างหาก ...
เลยทดสอบโดยแยกคนนึงไปทาง ... อีกคนไปทาง
คงมีใครบางคนมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ
ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการทดสอบว่าเราเลือกถูกคนรึป่าว
ความห่างไกล ... จะเป็นตัววัดปริมาณความผูกพันที่เรามีต่อกัน
ถ้าเรายังรู้สึกเหมือนเดิม...แถมยังเพิ่มความห่วงใย ... ความคิดถึง ...
นั่นคือเรามีความรักที่แท้จริงให้เค้า ... เราสอบผ่าน ...
แต่ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงไป ... แรก ๆ ก็ติดต่อกันถี่หน่อย ... หลัง ๆ เริ่มห่างหาย
เค้าสอบตก ... ก็ในเมื่อปริมาณความผูกพันของเค้ามันมีไม่เพียงพอ
เราน่าจะภูมิใจในตัวเอง ... ที่เราได้เลื่อนชั้นขึ้นไป ... แม้มีใครจะสอบตก
ถ้าเค้าอยากจะขึ้นมาอยู่ข้างเรา... เค้าต้องเร่งให้สอบผ่านบททดสอบนี้ ...
แล้วก้าวขึ้นมาอยู่ข้างเราเอง ...
ถ้าเค้าไม่ผ่าน ... ก็ถือว่าเป็นบุญ ...
ที่ฟ้าดินได้คัดคนโง่ ... ออกไปจากเราแล้ว

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)